Christian Dior แบรนด์กระเป๋าหรูชั้นนำที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ถือเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่สาว ๆ หลายคนหมายปอง เพราะนอกจากจะสวยเรียบหรูและคุณภาพดีแล้ว ยังเป็นกระเป๋าที่มีมูลค่า ขายต่อได้ในราคาดีอีกด้วย เพราะได้รับความนิยมอย่างสูงมาเป็นเวลาหลายปี เป็นหนึ่งในแบรนด์อันทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่น
ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่อายุแบรนด์อยู่ในตลาดและเป็นที่รู้จักกันเป็นเวลานาน โอกาสที่จะพบเจอกับของปลอมที่ทำขึ้นมาเพื่อลอกเลียนแบบในท้องตลาดราคาถูกก็ย่อมมีมากตามไปด้วย Cafebrandname จึงตั้งใจทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์กับคนรักกระเป๋าแบรนด์ Dior จะมีรายละเอียดยังไง มีวิธีดูแบบไหน สาวๆทาสรักดิออร์ทั้งหลายต้องอ่านน้าาาา
1.การตัดเย็บ / The Stitches
กระเป๋า Christian Dior ทุกใบจะต้องมีความเรียบร้อย ฝีเย็บสม่ำเสมอ ด้วยเส้นด้ายสีเดียวกับหนัง ลักษณะของฝีเข็มจะมีขนาดเล็กมาก ดูสวย กลมกลืน ไม่มีตำหนิ เส้นด้ายไม่หลุดลุ่ย มีระยะการเย็บที่สม่ำเสมอ และไม่มีความบิดเบี้ยวผิดรูป อีกทั้งรอยเย็บของด้ายจะไม่ลึกมากจนกดส่วนหนังให้จมลงไป และในกระเป๋าที่มีลาย Cannage จะต้องไม่มีความคดเคี้ยว หรือวางในมุมแปลกๆค่ะ
2.อะไหล่ / Hardware
อะไหล่ของ Dior ของแท้นั้นจะไม่ได้เรียบและมันเงาทั้งหมดนะคะ แต่จะเป็นแบบด้านและดูเก่า มีการตกแต่งอย่างเรียบร้อย ไร้ที่ติ หากเป็นรุ่นที่ห้อยตัวอักษร Dior นั้นตัวอักษรจะต้องมีความคมชัด สีของตัวอักษรจะต้องสัมพันธ์กับสีของอะไหล่ในส่วนอื่นๆ ของกระเป๋า อีกทั้งบริเวณแสตมป์อะไหล่ CD ตัวอักษรบนชิ้นงานของแท้นั้นจะต้องมีความหนา วางชิดกัน และเป็นสีทอง ในขณะที่ของปลอมจะไม่มีลายสลักเหมือนกัน เนื่องจากตัวอักษรบางกว่า แคบกว่า
3.ลายแคนวาส / Dior Monogram Canvas
ในกระเป๋า DIor แต่ละรายละเอียดบนงานพิมพ์นั้นถูกปักอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม และอ่านง่ายมาก แม้ว่าตัวอักษรจะซ้อนกันก็สามารถอ่านได้ ไม่เพียงแต่รายละเอียดเท่านั้น แต่ฟอนท์ที่ใช้ในการปักยังมีความแตกต่างกันอีกด้วย
4.แบรนด์สแตมป์ / Brand Stamp Label
เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญมากๆ เพราะภายในกระเป๋า Dior ทุกใบจะต้องมีแท็กป้ายหนังค่ะ และเป็นจุดที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถทำให้เราแยกDiorแท้หรือปลอมได้
ในส่วนของป้ายหนัง มุมของป้ายหนังควรมีความโค้งมนมากกว่าคม ตัวอักษรของแท้จะมีความหนาและสว่างกว่า ในขณะที่ของปลอมสีจะดูซีดกว่า
โดยด้านหนึ่งจะเป็นแบรนด์แสตมป์ที่เป็นคำว่า Christian Dior และอีกด้านหนึ่งจะเป็นคำว่า Christian Dior PARIS ต่อมาจะเป็น Made in Italy หรือ Made in Spain ใต้ตราประทับโลโก้ และควรอยู่กึ่งกลางของป้ายแท็กหนัง ไม่เบี้ยวซ้ายเบี้ยวขวา และควรจะมีสแตมป์เป็นสีเงินหรือสีทองเท่านั้นค่ะ
จุดสังเกตุที่สำคัญอีกหนึ่งจุดคือตัวอักษรควรสะอาดและไม่มีสีไหลออกนอกตัวอักษรค่า
เมื่อพลิกป้ายหนังจะพบกับเลข Serial Numbers หรือที่เรียกกันว่า Date Code นั่นเองค่ะ ตัวอักษรทุกตัวนั้นจะต้องมีความชัดเจน อ่านง่าย โดยจะมีรูปแบบที่จะสามารถทำให้เราอ่านปีผลิตของกระเป๋าได้ง่ายๆ
5.Serial Numbers / Date Code
เลข Serial Number จะมีเลขชุดประด้วยตัวเลข 2 ตัว ตัวอักษร 2 ตัว ตัวอักษร 4 ตัว
ตัวอักษร 2 ตัวนั้นจะเป็นการระบุโรงงานที่ผลิต
"BO" และ "MA" หมายถึงกระเป๋าที่ผลิตในอิตาลี
ตัวเลขหลักที่ 1 และ 3 จะระบุเดือนที่ผลิต
ตัวเลขหลักที่ 2 และ 4 จะระบุปีที่ผลิต
ตัวอย่าง
16-BO-0133 อ่านได้ว่า กระเป๋าใบนี้ผลิตในเดือนที่ 3 ของปี 2013 ที่ประเทศอิตาลี
01-MA-1028 อ่านได้ว่า กระเป๋าใบนี้ผลิตในเดือนที่ 12 ของปี 2008 ที่ประเทศอิตาลี
และทั้งหมดนี้นะคะก็คือวิธีการดูแท้-ปลอม Dior นั่นเองค่ะ และนอกจากบทความนี้ก็ยังสามารถศึกษารายละเอียดของกระเป๋าอย่างละเอียด ค้นหา เปรียบเทียบ ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เพื่อข้อมูลที่แม่นยำได้ Cafebrandname ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะสามารถช่วยให้คุณตรวจสอบกระเป๋า Dior ได้อย่างเบื้องต้น แต่สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกเลยคือการตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า ร้านค้าที่เราจะทำการซื้อขายกันมีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้หรือไม่ด้วยนะคะ
Cafebrandname ขายสินค้าแบรนด์เนมแท้ 100% ทุกชิ้น สินค้าทุกชิ้นมีการตรวจสอบแท้-ปลอมโดยผู้เชี่ยวชาญก่อนรับซื้อและนำจำหน่ายแก่ลูกค้าค่ะ อีกทั้งยังมีบริการรับซื้อ-ฝากขาย แลกเปลี่ยน สินค้าแบรนด์เนมทุกชนิด ใครกำลังมองหาร้านรับซื้อของแบรนด์เนม แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน Cafebrandname คือคำตอบค่า
✅ รับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองทุกยี่ห้อ ขนของ รื้อตู้ ของที่ไม่ใช้
✅ รับซื้อกระเป๋า รับซื้อรองเท้า รับซื้อเครื่องประดับ ที่ไม่ใช้แล้ว ตั้งเองได้ตามใจคุณ
✅ อย่าปล่อยให้ของที่ไม่ได้ใช้วางเสียมูลค่า ผันเป็นเงินสดกลับไปใช้ดีกว่า
ตัวจริงเรื่องสินค้าแบรนด์เนม พร้อมให้บริการด้วยใจ
เรารับซื้อจริง คุยง่าย โอนไว ลูกค้าประทับใจ เปย์แรงและเร็ว
รับประกันราคาดี ใส่ใจตลอดการใช้บริการ
コメント