ในยุคปี 2022 จะบอกว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่ของปลอมนะคะ แต่ละใบนี่คือภายนอกปลอมเนียนและดูไม่ออกเลย ปวดหัวม้าก เนียนสุดไรสุด ทำเอาลูกค้าหวาดระแวงกันไปหมดกันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ Cafebrandname จะพาทุกท่านมาเทียบดูแท้ปลอมแบบจุดต่อจุด เพราะถึงจะปลอมได้เป๊ะยังไงก็ต้องมีจุดที่ไม่เหมือนของแท้อยู่อย่างแน่นอนค่ะ รับรองว่า ทริค10ข้อนี้จะทำให้ทุกท่านหมดกังวล ดูแท้-ปลอมกุชชี่ออกแน่นอนค่า
Logo สัญลักษณ์ GG หน้ากระเป๋า
ตัว G จะต้องมีความโค้งมนเหมือนกับตัว O นอกจากนั้นแล้วสีของตัวอะไหล่ GG จะต้องมีสีทองนวลๆที่มีความเงา แต่ไม่ได้เงาเกินไปจนเหมือนกระจก
Hardware หรืออะไหล่ของกระเป๋า
ส่วนใหญ่จะทำจากทองคำหรือโลหะแข็งที่มีคุณภาพสูง ไม่มีสนิมขึ้น เมื่อขูดต้องไม่ลอกง่าย เพราะถ้าเป็นของปลอมจะเป็นเพียงวัสดุเกรดต่ำพ่นสี เมื่อขูดเบาๆสีก็จะลอกออกมาได้ง่าย
อะไหล่ทุกส่วนจะมีการสลักเครื่องหมายของ GUCCI หรือ GUCCI Made in Italy และในบางรุ่นจะยังมีเครื่องหมายการค้า ® ซึ่งต้องมีการปั๊มที่สวยงาม ตัวอักษรคมชัด ไม่ตื้นหรือลึกเกินไป แล้วไม่บุ๋มลงไปจนดูแบน ระยะทุกอย่างจะต้องพอดี ไม่ล้นจนออกมานอกแถวค่ะ
สกรูของกุชชี่ต้องเป็นแบบตัวลบ (-) ไม่ใช่สกรูที่เป็นบวก (+) เด็ดขาด
Zipper หรือ ซิป
แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ
รูปแบบแรก หัวซิปเป็นแบบโลหะ แต่ตัวซิปเป็นแท็กหนังหุ้ม
รูปแบบที่สอง เป็นหัวซิปที่ทำจากโลหะทั้งหมด และมีการสลักอักษร GUCCI บนตัวซิป
รูปแบบที่สาม เป็นซิปที่ทำจากโลหะทั้งหมดเช่นกัน แต่จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันตามแต่ละรุ่น ในจุดนี้จะต้องสังเกตุตัวปั๊มให้ดี
รูปแบบที่ 4 ซิปวินเทจที่ทำจากโลหะทั้งหมด เป็นลักษณะกลมๆห้อยลงมาเหมือนเป็นพวงกุญแจ
Interior ภายในหรือซับในของกระเป๋า
แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
รุ่นที่เป็นซับในแบบผ้า
รุ่นที่เป็นซับในแบบหนัง
โดยซับในทั้งสองรูปแบบนั้นจะมีคุณสมบัติที่เหมือนกันค่ะ นั่นก็คือเนื้อสัมผัส ซึ่งเมื่อเราเอามือไปถูแล้วจะต้องมีความนุ่มลื่น ไม่หยาบกระด้าง ไม่สากมือ และที่สำคัญซับในของกระเป๋ากุชชี่นั้นจะต้องมีความทนทาน ไม่อ่อนแอบอบบางแน่นอนค่ะ
Materials หรือวัสดุที่ใช้ทำหนังกระเป๋า
ข้อนี้เป็นหนึ่งจุดที่ทำให้สามารถแยกกระเป๋ากุชชี่แท้กับปลอมได้ดีมากทีเดียว เพราะเมื่อสัมผัสโดยตรงที่กระเป๋าแล้วจะพบว่าเนื้อผ้าหรือหนังจะมีความนุ่มและเรียบเนียน
วัสดีที่นิยมนำมาตัดเย็บในกระเป๋าสุดฮิตหลายๆรุ่นของ GUCCI นั้นก็คือผ้าใบแคนวาสลายโมโนแกรมนั่นเองค่ะ
เมื่อพูดถึงการจับโป๊ะในลายแล้ว กระเป๋ากุชชี่ของแท้จะต้องมีลายที่เชื่อมต่อกัน ตัว G ด้านซ้ายจะวางในแนวปกติ ส่วนตัว G ทางด้านขวาจะกลับหัวและหันหน้าเข้าหาตัว G ด้านซ้าย โดยตัว G ทั้งสองตัวนั้นจะต้องมีระยะห่างและขนาดที่เท่ากัน นอกจากนั้นลวดลายยังต้องเสมอกันอีกด้วยค่ะ
Stitching การตัดเย็บ
กระเป๋าทุกใบของกุชชี่นั้นจะเป็นการตัดเย็บด้วยมือเพื่อคุณภาพของกระเป๋าที่ดีที่สุด ฉะนั้นรอยเย็บแต่ละจุดนั้นจะต้องมีความประณีต เป็นระเบียบ เรียบเนียน ไร้ที่ติ ไม่หลุดลุ่ย ไม่ว่าจะเป็นฝีเย็บที่ตัวกระเป๋าหรือรอบๆโลโก้ตัว G ที่ไขว้กัน
อีกหนึ่งจุดที่สามารถสังเกตุได้จากกระเป๋ากุชชี่แท้นั้นก็คือจะต้องมีฝีเย็บที่เอียงขึ้นเล็กน้อย สีด้ายต้องกลืนไปกับวัสดุของกระเป๋าจนแทบดูไม่ออก โดยจะเห็นได้ชัดว่าของปลอมเป็นการเย็บแบบตรงๆและเห็นด้ายอย่างชัดเจน
ตัวอย่างการเย็บแบบเอียงเล็กน้อยแบบของ GUCCI แท้
Label tag ของกระเป๋า
เป็นป้ายแท็กที่เป็นหนัง เย็บติดกับกระเป๋า โดยจะต้องมีเครื่องหมายการค้า ® บรรทัดถัดมาคือคำว่า GUCCI ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด บรรทัดต่อมาคือ made in Italy ที่ต้องเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด
เมื่อพลิกป้ายแท็กมาอีกด้านหนึ่งจะพบว่ามีชุดตัวเลข Serial Number อยู่ 10 - 13 หลัก มีข้อสังเกตุคือการปั๊มจะต้องชัดเจน เป็นระเบียบ ช่องไฟพอดี ไม่มีการกดทับจนหนังเป็นรอยบุ๋ม นอกจากนั้นบริเวณมุมของป้ายแท็กจะต้องมีความเหลี่ยมที่ชัดเจน ขอบไม่มน
Serial Number หรือ Date code
จะเป็นตัวเลข 10 - 13 หลัก แบ่งเป็น 2 แถว
ตัวเลขแถวบนคือ Model Number บอกรุ่นของกระเป๋า ซึ่งสามารถซ้ำกับรหัสของใบอื่นๆที่เป็นรุ่นเดียวกันได้
ตัวเลขแถวล่างคือ Serial Number เป็นตัวเลขเฉพาะของกระเป๋าใบนั้นๆ ไม่สามารถซ้ำกันได้
และในกระเป๋ารุ่นใหม่ๆ จะมี Code tag อีก 1 จุด เป็นแผ่นผ้าใบสีดำเล็กๆ เย็บติดไว้ที่มุมด้านในของกระเป๋าทางซ้ายมือ ระบุตัวเลข 10 ตัว และมี QR โค้ด ตัวผ้าจะต้องไม่มีรอยเย็บตรงขอบเด็ดขาด ตัวเลขและ QR โค้ดต้องชัดเจน ตัวอักษรต้องไม่เลอะเลือนหรือมีสีเกินออกมา
Controllato Card
จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาว มีตัวอักษร GUCCI ตัวพิมพ์ใหญ่อยู่ตรงกลาง บรรทัดถัดมาพิมพ์คำว่า Controllato ด้านล่างสุดจะเป็นตัวเลข 10 ตัว คือ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 เป็นการ์ดที่ยืนยันว่ากระเป๋ากุชชี่ใบนั้นๆได้รับการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอนอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว โดยกระเป๋ากุชชี่แท้ทุกใบจะต้องมีการ์ดใบนี้
Dust bag ถุงผ้า
มีลักษณะเป็นผ้าอย่างดี มีความนุ่มมือ ไม่เป็นพลาสติกหรือบางจนเกินไป โดยจะมีทั้งหมด 4 รุ่น
ถุงกันฝุ่นรุ่นวินเทจ มีสีอ่อนคล้ายรังผึ้งหรือสีน้ำตาลเข้ม พิมพ์คำว่า GUCCI พิมพ์ไว้ที่ด้านหน้า
ถุงกันฝุ่นสีน้ำตาล มีตัวอักษร GUCCI สีทองพิมพ์อยู่ตรงกลางด้านหน้าของถุงผ้า
ถุงกันฝุ่นสีดำ มีตัวอักษร GUCCI สีทองพิมพ์อยู่ตรงกลางด้านหน้าของถุงผ้า
ถุงกันฝุ่นสีขาว มีตัวอักษร GUCCI สีดำปักอยู่บนแท็กผ้าสีขาวขอบสีดำอีกที เย็บติดอยู่บริเวณตรงกลางด้านหน้าของถุงกันฝุ่น
อย่างที่เราเคยบอกไปนะคะสำหรับบทความ วิธีดูแท้ปลอม กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง Louis vuitton ว่าการดูแท้หรือปลอมกระเป๋าแบรนด์เนมนั้นต้องใช้ความละเอียดอย่างมาก ไม่ใช่จุดสองจุดหรือดูเฉพาะจุดสำคัญ แต่จำเป็นที่จะต้องดูภาพรวมทั้งใบรวมถึงจุดสำคัญด้วยความละเอียดอีกด้วยค่ะ เพราะในปัจจุบันตลาดแบรนด์เนมมือสองก็ได้รับความนิยมอย่างมาก การซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน แต่เมื่อธุรกิจมันแพร่หลาย ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าเราจะต้องประสบพบเจอกับมิตรที่หลากหลายเช่น มิจฉาชีพ เป็นต้น โดยเฉพาะการรับซื้อกระเป๋าแบรนด์ การรับซื้อBrandname หรือการฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองนั้นก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก แต่จะไม่น่ากลัวอีกต่อไปหากเราสามารถเช็คแท้ปลอมได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องของปลอมเลยจ้า !
Comments